เมนู

อรรถกถาสุตวาสูตรที่ 11



ในสุตวาสูตรที่ 11 ก็เหมือนกัน คือ มีความหมายง่าย. แต่ว่า
ในสูตรที่ 10 พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสปาริสุทธิศีล ไว้ด้วยบทว่า
สีลวตา ในสูตรที่ 11 นี้ ตรัสกรรมฐานไว้ด้วยบทว่า สุตวตา นี้แล
เป็นข้อที่แตกต่างกัน.
จบ อรรถกถาสุตวาสูตรที่ 11

12. กัปปสูตรที่ 1



ว่าด้วยการรู้การเห็น เป็นเหตุไม่มีอหังการ มมังการ และมานานุสัย



[318 ] กรุงสาวัตถี. ครั้งนั้นแล ท่านพระกัปปะเข้าไปเฝ้า
พระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ฯลฯ ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มี-
พระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อบุคคลรู้อยู่อย่างไร เห็นอยู่
อย่างไรหนอแล จึงจะไม่มี อหังการ มมังการ และมานานุสัย ในกายที่มี
ใจครองนี้ และในสรรพนิมิตภายนอก ?
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า ดูก่อนกัปปะ รูป เวทนา สัญญา
สังขาร วิญญาณ
อย่างใดอย่างหนึ่ง ทั้งที่เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบัน
เป็นภายในก็ดี ภายนอกก็ดี หยาบก็ดี ละเอียดก็ดี เลวก็ดี ประณีตก็ดี
มีอยู่ในที่ไกลก็ดี ในที่ใกล้ก็ดี อริยสาวกเห็นสิ่งทั้งหมดนั้น ด้วยปัญญา
อันชอบ ตามความเป็นจริงอย่างนี้ว่า นั่นไม่ใช่ของเรา เราไม่ใช่นั่น
นั่นไม่ใช่อัตตาของเรา ดูก่อนกัปปะ เมื่อบุคคลรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่

อย่างนี้แล จึงไม่มีอหังการ นมังการ และมานานุสัย ในกายที่มีใจครองนี้
และในสรรพนิมิตภายนอก.
จบ กัปปสูตรที่ 1

อรรถกถากัปปสูตรที่ 1



กัปปสูตรที่ 1 (มีเนื้อความ) เหมือนกับราหุโลวาทสูตรนั่นแล.
จบ อรรถกถากัปปสูตรที่ 1

13. กัปปสูตรที่ 2



ว่าด้วยการรู้การเห็น เป็นเหตุปราศจากอหังการ มมังการ และ

มานานุสัย



[319] กรุงสาวัตถี. ครั้งนั้นแล ท่านพระกัปปะเข้าไปเฝ้า
พระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ฯลฯ ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มี-
พระภาคเจ้า
ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อบุคคลรู้อยู่อย่างไร เห็นอยู่
อย่างไรหนอแล มนัสจึงจะปราศจาก อหังการ มมังการ และมานานุสัย
ในกายที่มีใจครองนี้ และในสรรพนิมิตภายนอก ก้าวล่วงมานะด้วยดี
สงบระงับ พ้นวิเศษแล้ว ?
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า ดูก่อนกัปปะ รูป เวทนา สัญญา
สังขาร วิญญาณ
อย่างใดอย่างหนึ่ง ทั้งที่เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบัน
เป็นภายในก็ดี ภายนอกก็ดี หยาบก็ดี ละเอียดก็ดี เลวก็ดี ประณีตก็ดี
มีอยู่ในที่ไกลก็ดี ในที่ใกล้ก็ดี อริยสาวกเห็นสิ่งทั้งหมดนั้น ด้วยปัญญา